เมนู

ภ. นานนักแล สีหะ ตระกูลของเธอได้เป็นสถานที่รับรองพวก
นิครนถ์มา ด้วยเหตุนั้น เธอพึงสำคัญเห็นบิณฑบาตว่าเป็นของควรให้นิครนถ์
เหล่านั้นผู้เข้าไปถึงแล้ว.
สี. โดยพระพุทธดำรัสแม้นี้ ข้าพระพุทธเจ้ายินดี พอใจยิ่งกว่า
คาดหมายไว้ เพราะพระองค์ตรัสอย่างนี้กะข้าพระพุทธเจ้าว่า นานนักแล สีหะ
ตระกูลของเธอได้เป็นสถานที่รับรองพวกนิครนถ์มา ด้วยเหตุนั้น เธอพึงสำคัญ
บิณฑบาตว่าเป็นของควรให้นิครนถ์เหล่านั้นผู้เข้าไปถึงแล้ว ดังนี้ ข้าพระ-
พุทธเจ้าได้ทราบว่า พระสมณโคดมรับสั่งอย่างนี้ว่า ควรให้ทานแก่เราผู้เดียว
ไม่ควรให้ทานแก่คนพวกอื่น ควรให้ทานแก่สาวกของเราเท่านั้น ไม่ควรให้
ทานแก่สาวกของศาสดาอื่น เพราะทานที่ให้แก่เราเท่านั้น มีผลมาก ทานที่
ให้แก่คนพวกอื่นไม่มีผลมาก ทานที่ให้แก่สาวกของเราเท่านั้น มีผลมาก ทาน
ที่ให้แก่สาวกของศาสดาอื่นไม่มีผลมาก แต่ส่วนพระองค์ทรงชักชวนข้าพระ-
พุทธเจ้า ในการให้แม้ในพวกนิครนถ์ แต่ข้าพระพุทธเจ้าจักรู้กาลในข้อนี้เอง
ข้าพระพุทธเจ้านี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็น
สรณะ แม้ครั้งที่ 3 ขอพระองค์โปรดทรงจำข้าพระพุทธเจ้าว่า เป็นอุบาสก
ผู้มอบชีวิตถึงสรณะ จำเติมแต่วันนี้เป็นต้นไป พระพุทธเจ้าข้า.

สีหะเสนาบดี ได้ธรรมจักษุ


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงอนุปุพพิกถาแก่สีหะเสนาบดี
คือ ทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา ซึ่งโทษแห่งกามอันต่ำทราม
อันเศร้าหมอง และอานิสงส์ในความออกจากกาม เมื่อพระองค์ทรงทราบว่า
สีหะเสนาบดีมีจิตคล่อง มีจิตอ่อน มีจิตปลอดจากนิวรณ์ มีจิตเบิกบาน มีจิต

ผ่องใสแล้ว จึงได้ทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรง
ยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ดวงตาเห็น
ธรรมปราศจากธุลี ปราศจากมลทินได้เกิดแก่สีหะเสนาบดี ณ สถานที่นั่ง
นั้นแลว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความ
ดับเป็นธรรมดา ดุจผ้าที่สะอาดปราศจากมลทินควรรับน้ำย้อมเป็นอย่างดี
ฉะนั้น.
ครั้นสีหะเสนาบดีเห็นธรรมแล้ว บรรลุธรรมแล้ว รู้ธรรมแจ่มแจ้ง
แล้ว หยั่งลงสู่ธรรมแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความ
สงสัย ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ในคำสอนของพระศาสดา
ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับภิกษุ
สงฆ์ จงทรงพระกรุณาโปรดรับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้า เพื่อเจริญบุญ
กุศลและปีติปราโมทย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงรับอาราธนาโดยดุษณีภาพ ครั้นสีหะเสนาบดีทราบอาการที่ทรงรับอาราธนา
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วได้ลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำ
ประทักษิณกลับไป ต่อมาสีหะเสนาบดีใช้มหาดเล็กผู้หนึ่งว่า พนาย เจ้าจงไป
หาซื้อเนื้อสดที่เขาขาย แล้วสั่งให้ตกแต่งขาทนียโภชนียาหาร อันประณีตโดย
ผ่านราตรีนั้นแล้ว ให้มหาดเล็กไปกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ถึงเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ภัตตาหารเสร็จแล้ว.
ครั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองอันตรสาวก ถือบาตราจีวร
เสด็จพระพุทธดำเนินไปทางนิเวศน์ของสีหะเสนาบดี ครั้นถึงแล้วประทับนั่ง
เหนือพุทธอาสน์ที่เขาจัดถวาย พร้อมกับ ภิกษุสงฆ์.

ก็โดยสมัยนั้นแล พวกนิครนถ์เป็นอันมาก พากันประคองแขน คร่ำ-
ครวญไปตามถนน หนทางสี่แยก สามแยกทั่วทุกสายในพระนครเวสาลีว่า วันนี้
สีหะเสนาบดีล้มสัตว์ของเลี้ยงตัวอ้วน ๆ ทำอาหารถวายพระสมณโคตม พระ-
สมณโคดมทรงทราบอยู่ยังเสวยเนื้อนั้นซึ่งเขาทำเฉพาะเจาะจงตน ขณะนั้น
มหาดเล็กผู้หนึ่งเข้าไปเฝ้าสีหะเสนาบดีทูลกระซิบว่า ขอเดชะ ฝ่าพระบาทพึง
ทราบว่านิครนถ์มากมายเหล่านั้น พากันประคองแขนคร่ำครวญไปตามถนน
หนทางสี่แยกสามแยก ทั่วทุกสายในพระนครเวสาลีว่า วันนี้สีหะเสนาบดี ล้ม
สัตว์ของเลี้ยงตัวอ้วน ๆ ทำอาหารถวายพระสนณโคดม พระสมณโคดมทรง
ทราบอยู่ ยังเสวยเนื้อนั้นซึ่งเขาทำเฉพาะเจาะจงตน.
สีหะเสนาบดีตอบว่า ช่างเถิดเจ้า ท่านเหล่านั้นมุ่งติเตียนพระพุทธเจ้า
มุ่งติเตียนพระธรรม มุ่งติเตียนพระสงฆ์มานานแล้ว แต่ก็กล่าวตู่พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยถ้อยคำอันไม่มี เปล่า เท็จ ไม่จริง ยังไม่หนำใจ
ส่วนพวกเราไม่ตั้งใจปลงสัตว์จากชีวิต แม้เพราะเหตุแห่งชีวิตเลย.
ครั้งนั้น สีหะเสนาบดีอังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วย
ขาทนียโภชนียาหารอัน ประณีตด้วยมือของตน ยังพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสวย
เสร็จ จนทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตรให้ห้ามภัตแล้ว นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้สีหะเสนาบดีผู้นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่งเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ทรง
ลุกจากที่ประทับเสด็จกลับไป.

เรื่องสีหะเสนาบดี จบ

หระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อที่ทำเฉพาะ


ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูล
นั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุรู้อยู่ไม่พึงฉันเนื้อที่เขาทำจำเพาะ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฎ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ปลา เนื้อ ที่บริสุทธิ์โดยส่วนสาม
คือไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจ.

พระพุทธบัญญัติห้ามภัตตาหารบางชนิด


[81] ก็โดยสมัยนั้นแล พระนครเวสาลีมีภิกษาหารมาก มีข้าวกล้า
งอกงาม บิณฑบาตก็หาง่าย ภิกษุสงฆ์จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการถือบาตร
แสวงหาก็ทำได้ง่าย ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด
ทรงพระปริวิตกอย่างนี้ว่า ภัตตาหารที่เราอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคราว
อัตคัดอาหารมีข้าวกล้าน้อย บิณฑบาตได้ฝืดเคือง คืออาหารที่เก็บไว้ภายในที่
อยู่ 1 อาหารที่หุงต้มภายในที่อยู่ 1 อาหารที่หุงต้มเอง 1 อาหารที่จับต้องแล้วรับ
ประเคนใหม่ 1 อาหารที่ทายกนำมาจากที่นิมนต์นั้น 1 อาหารที่รับประเคนฉัน
ในปุเรภัต 1 อาหารที่เกิดในป่าและเกิดในสระบัว 1 ภัตตาหารเหล่านั้น ภิกษุ
ทั้งหลายยังฉันอยู่ทุกวันนี้หรือหนอ ?
ครั้นเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่ประทับพักเร้น แล้ว
รับสั่งถามพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ ภัตตาหารที่เราอนุญาตแก่ภิกษุทั้ง
หลาย เมื่อคราวอัตคัดอาหาร มีขาวกล้าน้อย บิณฑบาตได้ฝืดเคือง คืออาหาร
ทีเก็บไว้ภายในที่อยู่ 1 อาหารที่หุงต้มภายในที่อยู่ 1 อาหารที่หุงต้มเอง 1 อาหาร
ที่จับต้องแล้วรับประเคนใหม่ 1 อาหารที่ทายกนำมาจากที่นิมนต์นั้น 1 อาหาร